และนี่คือบทสรุปตอนสุดท้ายของสังคม จากเหตุการณ์ที่พวกเขาต้องพบเจอวิบากกรรมและผลพวงจากอดีตอย่างไม่หยุดหย่อน ดอม โทเร็ตโต (Vin Diesel จากหนังเรื่อง ‘The Last Witch Hunter’ และ ‘xXx: Return of Xander Cage’) คนที่เคยนำพาครอบครัวฝ่าฟันเอาชนะศัตรูมากหน้า ที่เข้ามาขวางทางครั้งแล้วครั้งเล่าในภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของครอบครัวนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งหมดแหละ แต่สิ่งที่เขาไม่ทันคาดคิด อดีตที่มันน่าจะผ่านไปนานแล้ว ทว่ามันก็ยังตามกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกจนได้

แต่เรื่องราวในรอบนี้ และพวกตระกุลฟาส ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวมากๆอย่าง ดันเต้ (Jason Momoa จากซีรีส์เรื่อง ‘Game of Thrones’ และหนังเรื่อง ‘Aquaman’) คือชายที่มุ่งมั่นจะกลับมาสร้างความทุกข์ทรมานให้กับดอมที่เคยทำให้พ่อของเขาเสียชีวิต เขามุ่งมั่นจะทำลายครอบครัวอันเป็นที่รักของดอม และทุกคนที่ดอมรักด้วยแรงแค้นที่มี

เป็นภาพยนต์ที่เป็นหนังแอคชั่นแข่งขันรถที่ได้สร้างมาจนถึงเก้าภาค แต่มีหนังภาคที่ 10เพื่อมาปิดท้ายหนังเรื่องนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นของหนังภาคแรกของไตรภาคนั้น ซึ่งสิ่งที่เราเห็นชัดตั้งแต่เริ่มเรื่องมา ก็คือ การรวบรวมเอาภาพบางส่วนจากหนังฟาสต์ภาคก่อนๆ มาเล่าอีกครั้ง แล้วบอกเราว่า มีบางเหตุการณ์ที่ดอมและผองเพื่อนที่ถูกรวมเรียกว่าเป็นครอบครัวนั้น เคยกระทำมาในอดีต

แต่มันได้ส่งผลให้เกิดตัวร้ายตัวใหม่ ที่ย้อนกลับมาแก้แค้นดอมและครอบครัวที่เขารักอีกครั้ง และทำให้เราได้มีโอกาสต้อนรับ ดันเต้ (Jason Momoa) เข้าสู่จักรวาลฟาสต์ในวันนี้และในภาคนี้นอกจากจะนำเอานักแสดงเดิมของภาคแรกๆ ของบรรดาแฟน The Fast Saga ทำให้ทุกคนได้กลับมามีบทบาทในเรื่องราวใหม่ๆ อีกครั้ง ก็ยังมีการเสริมทัพด้วยตัวละครใหม่อีกหลายตัว

ไม่ว่าจะเป็น Daniela Melchior (จากหนังเรื่อง Guardians of the Galaxy Vol. 3) ในบทอิซาเบล, Brie Larson (จากหนังเรื่อง Captain Marvel) ที่รับบทเป็น เทสส์ ลูกสาวของสุดยอดสายลับโนบอดี้ และ Alan Ritchson (จากซีรีส์เรื่อง Reacher) ที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่เอมส์ ผู้ช่วยคนใหม่ของโนบอดี้

ถือเป็นการรวบรวมนำเอาผลผลิตที่ดูสะเปะสะปะให้เข้าที่เข้าทาง กางหยิบเอาสิ่งที่เคยบ่มเพาะไว้ในภาคเก่าก่อน ให้กลายเป็นวัตถุดิบของเรื่องราวใหม่ในภาคนี้ และต้องยอมรับกันจริงๆ จังๆ ว่า เมื่อหนังแฟรนไชส์ฟาสต์มี Justin Lin เข้ามาร่วมเขียนบทหรือกำกับ จะทำให้ภาคนั้นมีกลิ่นอายความเป็นครอบครัวที่อบอวลกว่าตอนที่ไม่มีเขา แม้ในภาคนี้ เขาจะเลือกบอกลาหน้าที่กำกับไป แต่ผลงานของเขาก็ยังอยู่ในพาร์ทของการเขียนบท และในอีกด้านหนึ่ง เขาก็ยังเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนัง น่าเสียดายอยู่บ้าง ถ้าหลังจากนี้ จะไม่ได้เห็นเครดิตของเขาในฐานะผู้เขียนบทหรือผู้กำกับอีกถ้าจะพูดถึงตัวโกงอย่างดันเต้

เราก็จะพบว่า นอกจากขนาดตัวของเขาแล้ว บุคลิกเขาก็มีความโดดเด่นมาก เป็นทั้งสายจิตวิปริตไม่พอ ยังมีจริตจก้านเป็นนิจ จนเรียกได้ว่า แม้ต้องอยู่ในซีนเดียวกับเซนต์โดมินิค (อีกชื่อหนึ่งของดอม) แต่ก็แทบจะกลบรัศมีตัวพ่อของเรื่องได้เลยด้วยซ้ำ แถมในเรื่องนี้ เขาได้ทั้งโชว์ลีลาซิ่งมอเตอร์ไซค์และรถแข่ง เขาจึงคู่ควรแก่การเป็นวายร้ายในภาคต้นของไตรภาคบทสรุปเรื่องนี้

แต่หนังภาคนี้ก็ชวนให้ปวดหัวไม่น้อย เพราะมันเล่าถึงการที่ครอบครัวต้องแยกกันไปคนละทาง และต่างต้องแก้ปัญหาในส่วนของตนเพื่อช่วยกันนำพาครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติ ทำให้หนังที่มีตัวละครมากล้นเรื่องอยู่แล้ว ต้องเล่าสลับไลน์กันไปมาจนเรื่องมันเดินเอื่อยช้า พาคนดูอย่างเราเริ่มจะหลุดจากเส้นเรื่องหลัก

และเริ่มสงสัยว่า ตอนนี้ทั้งหมดกำลังทำอะไรอยู่และก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า องก์สุดท้ายของหนังเรื่องนี้คือความสนุกและมันส์ที่ไปจนถึงขั้นสุดยอด เมื่อทางทีมงานเขียนบทและผู้กำกับนำพาซีเควนซ์ของซีนแอ็คชั่นมาระดมยิงใส่คนดูอย่างไม่หยุดให้พักหายใจแถมยังคงฝืนกฎฟิสิกส์ทุกข้อ จนไม่ต้องห่วงแล้วว่าหนังจะมีสักส่วนเสี้ยวของความจริง ทั้งยังโม้จัดๆ เอนเตอร์เทนคนดูแบบสุดๆ ระทึกใจกันรัวๆ ก่อนปล่อยให้คนดูอ้าปากค้างเมื่อเครดิตโผล่ขึ้นจอ

และจุดสำคัญก็คือ หนังภาคนี้ ยังคงไม่ทิ้งจุดเริ่มต้นของตัวเอง ด้วยการนำเอาฉากแข่งรถเข้าแทรกมาใส่ไว้ ที่นอกเหนือจากฉากแอ็คชั่นบู๊แหกกฎฟิสิกส์มากมายหลายแหล่ที่โผล่ขึ้นมาเต็มเรื่องหนังภาคนี้คือภาคแรกของสามภาคสุดท้ายจากภาคที่ผ่านๆ มา เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่เล่ายังไม่ถึงจุดจบ หนังจะจบลงอย่างค้างคาใจ ทำให้คนดูให้รู้สึกอยากรู้คำตอบที่จะได้ถูกถ่ายทอดบอกเราในภาคถัดๆ ไป ก่อนจะออกจากโรงหนัง อย่าลืมนั่งดูฉากแถมที่จะโผล่มากลางเครดิตด้วยนะครับ